หนังคลาสสิคที่น่าค้นหาภายใต้หน้ากาก....ปีศาจ
The Phantom of the Opera คือละครเพลงที่สร้างขึ้นโดยแอนดรูว์ ลอยด์ เวบเบอร์ ( Andrew Lloyd Webber ) โดยมีโครงเรื่องมาจากนิยายของนักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อกัสตง เลอรูซ์ ( Gaston Leroux ) ผู้แต่งทำนองเพลงคือแอนดรูว์ ลอยด์ เวบเบอร์ คำร้องโดยชารล์ส ฮาร์ต ( Charles Hart ) และเรียบเรียงคำร้องโดยริชาร์ด สติลโก ( Richard Stilgoe ) กำกับการแสดงโดยฮาโรลด์ พรินซ์ ( Harold Prince )
ละครเพลงเรื่องนี้เน้นที่นักร้องสาวสวยคนหนึ่งชื่อคริสทีน ดาเอ ( Christine Daae ) ที่ถูกครอบงำโดยอัจฉริยะทางดนตรีผู้ลึกลับ และอัปลักษณ์เป็นที่รู้จักในนามว่า ‘the Phantom of the Opera’ ซึ่งเป็นผู้ข่มขวัญในโรงละครโอเปร่าของปารีส
โครงเรื่องระหว่างฉบับนิยายกับฉบับละครเพลง ( ซึ่งเป็นโครงเรื่องเดียวกับฉบับภาพยนตร์ ) จะแตกต่างกันเล็กน้อย ฉบับนิยายตอนนี้สามารถหาซื้ออ่านภาษาไทยได้แล้ว ภายใต้ชื่อเรื่อง ‘ปีศาจแห่งโรงอุปรากร’ เป็นหนึ่งในหนังสือชุด Horror Classics จัดพิมพ์โดยแพรวสำนักพิมพ์ ส่วนในที่นี้จะกล่าวถึงเรื่องย่อของฉบับละครเพลง
ตัวละครหลัก
The Phantom of the Opera: มีใบหน้าที่พิการมาแต่กำเนิดแฟนทอมเป็นนักแต่งเพลง และนักดนตรีอัจฉริยะ ซึ่งซ่อนใบหน้าไว้หลังหน้ากากสีขาว เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้จัดการ และนักแสดงทั้งหลายว่า ‘ปีศาจแห่งโรงอุปรากร’
คริสทีน ดาเอ ( Christine Daae ): นักร้องคอรัสชาวสวีเดนแห่งโรงโอเปร่าปอปปูแลร์ และลูกสาวของนักไวโอลินผู้มีชื่อเสียง แม้ว่าจะมีความสามารถ แต่ก็ขาดความตั้งใจ จนกระทั้งแฟนทอมพาตัวเธอไปสอนให้ร้องเพลง
ราอูล วิกองต์แห่งชาญี ( Raoul, Vicomte de Chagny ): ผู้อุปการะของโรงโอเปร่าปอปปูแลร์ และเป็นคนรักในสมัยเด็กของคริสทีน ได้เจอกันอีกครั้งหลังจากที่คริสทีนขึ้นร้องเพลงที่โรงโอเปร่า
คาร์ลอตตา กุยดิเชลลี ( Carlotta Giudiceli ): ดิว่าแห่งโรงโอเปร่า ซึ่งอิจฉาคริสทีนจากความสำเร็จของเธอ
มาดาม จิรี ( Madame Giry ): ผู้คุมบัลเล่ต์แห่งโรงโอเปร่า และเป็น ‘ผู้นำสาร’ จากแฟนทอม คอยส่งกระดาษข้อความจากแฟนทอมมาให้เหล่าผู้จัดการ
เม็ก จิรี ( Meg Giry ): ลูกสาวของมาดาม จิรี สมาชิกของนักเต้นบัลเล่ต์ และเป็นเพื่อนสนิทของคริสทีน
เมอร์สิเออร์ ริชาร์ด เฟอร์มิน ( Monsieur Richard Firmin ): ผู้จัดการขี้บ่นแห่งโรงโอเปร่าปอปปูแลร์
เมอร์สิเออร์ จิลส์ อังเดร ( Monsieur Gilles Andre ): ผู้จัดการจอมโลเลแห่งโรงโอเปร่าปอปปูแลร์
อูบาลโด ปิอานจิ ( Ubaldo Piangi ): นักร้องนำเสียงเทนเนอร์ของโรงโอเปร่า สามีของคาร์ลอตตา กุยดิเชลลี
โจเซฟ บูเกต์ ( Joseph Buquet ): คนคุมโรงอุปรากรของโรงโอเปร่า ซึ่งล่วงรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับลักษณะของแฟนทอม
เมอร์สิเออร์ เรอเยร์ ( Monsieur Reyer ): นายวงแห่งโรงโอเปร่า หรือก็คือผู้กำกับนั่นเอง
เมอร์สิเออร์ เดอเฟร์ ( Monsieur Lefervre ): เจ้าของคนก่อนของโรงโอเปร่าปอปปูแลร์ ผู้ขายโรงละครให้เฟอร์มินกับอังเดร
ปฐมบท
ที่โรงละครโอเปร่าปอปปูแลร์ในกรุงปารีส ปี 1911 การประมูลกำลังดำเนินอยู่ สิ่งของจากโรงละครเก่าถูกขายออกไปเรื่อยๆ ราอูล วิกองต์แห่งชาญีซื้อกล่องเพลงที่มีตุ๊กตาลิงอยู่ข้างบนไป ลอตที่ 666 คือโคมไฟระย้าเก่าแก่ ผู้ดำเนินการประมูลอธิบายว่าโคมระย้านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ‘เหตุการณ์ประหลาดของปีศาจแห่งโรงอุปรากร ซึ่งเป็นเหตุลึกลับที่ไม่มีผู้ใดอธิบายได้’ พร้อมกันนั้น โคมระย้าได้ถูกจุดขึ้น และเริ่มดึงขึ้นไปอย่างช้าๆ แล้วโรงโอเปร่าก็กลับไปสู่ยุคสมัยที่ยังเฟื่องฟู
องก์ที่ 1
ที่โรงละครโอเปร่าปอปปูแลร์ ปี 1881 การซ้อมสำหรับเรื่องฮันนิบาลกำลังดำเนินอยู่ เมอร์สิเออร์ เดอเฟร์ เจ้าของโรงละครได้ประกาศว่าเขาได้ขายโรงละครนี้ให้กับสองผู้จัดการคนใหม่ เมอร์สิเออร์ เฟอร์มินกับเมอร์สิเออร์ อังเดร ทั้งสองเฝ้ามองอย่างสนอกสนใจอยู่ที่นักเต้นบัลเล่ต์สองคน เม็ก จิรี และเพื่อนของเธอ คริสทีน ดาเอ ก่อนที่อังเดรจะขอให้คาร์ลอตตา ดาวเด่นคนปัจจุบันขับร้องเพลง เธอตอบตกลง แต่ช่วงกลางเพลงนั้นเอง ม่านหลังเวทีก็หล่นลงมาเฉียดเธอไปอย่างน่าหวาดเสียว
คนอื่นๆบอกว่าอุบัติเหตุนี้เป็นฝีมือของปีศาจแห่งโรงอุปรากร คาร์ลอตตาเจออุบัติเหตุแบบนี้หลายครั้งแล้วในช่วงหลายปีมานี้ และเธอบอกว่าเธอทนมาพอแล้ว เธอเลิกร้องเพลง แล้วพาปิอานจิไปกับเธอด้วย สองผู้จัดการไม่เต็มใจที่จะยกเลิกการแสดงเลย ระหว่างนั้นเอง เม็กก็รีบเสนอชื่อคริสทีนให้ได้รับการพิจารณาในทันที คริสทีนเริ่มร้องเพลงเป็นการลองดู แต่ก็เป็นที่น่าประทับใจจนพวกเขามอบบทของคาร์ลอตตาให้กับเธอทันที
ผู้จัดการทั้งสอง และราอูล ( ผู้อุปถัมภ์คนใหม่ของโรงโอเปร่า ) มองลงมาจากชั้นบอกซ์ระหว่างการแสดง ราอูลรู้สึกประทับใจขึ้นมาเป็นพิเศษ เขาจำคริสทีน เพื่อนสมัยเด็กของเขาได้ หลังการแสดง มาดาม จิรีกล่าวชมคริสทีนถึงการแสดงที่เพิ่งผ่านมา ก่อนจะหันไปกำชับนักเต้นบัลเล่ต์ทั้งหลายไม่ให้ออกมาซ้อมตอนกลางคืน หลังจากมาดาม จิรีไปแล้ว เสียงของแฟนทอมที่ดังมาแต่ไกลกล่าวก็ชมคริสทีนในด้วยเช่นกัน ระหว่างนั้น เม็กแอบย่องออกมาจากการซ้อมเพื่อหาตัวคริสทีนที่หายออกไปจากห้องแต่งตัว และเจอตัวคริสทีนในชั้นใต้ดินของโรงละครนั่นเอง
เธอแสดงความยินดีด้วยที่เพื่อนของเธอสามารถเปลี่ยนสถานะของตัวเองขึ้นมาได้ แต่ก็ยังคงสงสัยว่าทำอย่างไรถึงก้าวหน้าขึ้นได้ขนาดนี้ คริสทีนบอกเม็กว่าเทพแห่งดนตรีสอนการร้องเพลงให้เธอในยามค่ำคืน เธอคิดว่าพ่อของเธอส่งเขาลงมาจากสวรรค์ ทั้งสองคนคุยกันถึงเรื่องนี้จนกระทั่งมาดาม จิรีมาถึงเพื่อดึงตัวเม็กออกมา แล้วส่งโน้ตจากราอูลให้
ผู้จัดการทั้งสองพาตัวราอูลไปที่ห้องแต่งตัวของคริสทีน เธอดีใจที่ได้เจอเขา และรำลึกถึงความหลังด้วยกัน เธอบอกเขาเรื่องเทพแห่งดนตรี เพียงแต่เขาไม่คิดว่าสิ่งที่เธอเล่าเป็นเรื่องจริงจัง เขาจึงกล่าวเชิญเธอไปร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน แต่เธอปฏิเสธ พร้อมกับบอกว่าเทพแห่งดนตรีเคร่งครัดมาก และก็คงจะโกรธ ถ้าเธอไม่อยู่ที่ห้อง ราอูลไม่บังคับเธอ จึงเดินออกจากห้องไป แฟนทอมร้องเพลงบอกคริสทีนว่าเขาไม่พอใจที่ราอูลพยายามจะพาตัวเธอออกไป
คริสทีนอ้อนวอนให้เขายกโทษให้ราอูล และขอให้เทพปรากฏตัวต่อหน้าเธอ เขาทำตามคำขอนั้นด้วยการปรากฏตัวอยู่ข้างหลังกระจกเงาในห้องของคริสทีนนั่นเอง แฟนทอมพาคริสทีนออกไปทางด้านหลังของกระจก และผ่านลงไปยังท่อระบายน้ำใต้ดินเข้าไปสู่ที่อาศัยของเขา ที่ที่เขาขอให้เธอร้องเพลงเพื่อเขา ก่อนที่เขาร้องเพลงแสดงความรักที่เขามีต่อเธอ ( เพลง ‘Music of the Night’ ) ระหว่างเพลงนั้น เขาให้เธอได้เห็นตุ๊กตาขนาดเท่าคนจริงในชุดเจ้าสาวที่มีลักษณะเหมือนเธอไม่มีผิดเพี้ยน
ตุ๊กตาตัวนั้นพยายามที่จะเอื้อมมือออกมาหาเธอ และเพราะสิ่งที่เห็นนี่เองทำให้คริสทีนหมดสติไป แฟนทอมตระหนักได้ว่าการให้เธอได้เห็นตุ๊กตาตัวนั้นอาจจะมากเกินกว่าที่เธอจะรับไว้ได้ จึงพาเธอไปนอนบนเตียง
เช้าวันต่อมา คริสทีนเห็นแฟนทอมกำลังประพันธ์เพลงอยู่ที่ออร์แกน ขณะที่เธอย่องเข้าไปข้างหลังเขานั้น ความอยากรู้อยากเห็นมีอำนาจครอบคลุมเธอ ทำให้เธอตัดสินใจดึงหน้ากากของเขาออก เธอจึงเห็นความผิดปกติเบื้องหลังหน้ากากนั้นอย่างชัดเจน สร้างความโกรธเคืองให้กับแฟนทอมอย่างมาก หลังจากผลักไสไล่ส่งเธอไปทั่วถ้ำ เขาก็ท้าให้เธอมองหน้าเขาตรงๆด้วยแรงโทสะ ก่อนที่เขาจะได้สติ แล้วทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น แฟนทอมพยายามอธิบายว่าเขาเพียงแค่อยากจะเป็นเหมือนคนอื่นๆ และหวังว่าคริสทีนจะเรียนรู้ที่จะรักเขาโดยไม่ใส่ใจกับรูปลักษณ์ภายนอก
เธอคืนหน้ากากให้เขาโดยไม่พูดอะไร หลังจากนั้นไม่นาน เขาตัดสินใจส่งเธอกลับไปบนพื้นดิน ระหว่างที่แฟนทอมกับคริสทีนกลับไปยังโรงละครนั่นเอง โจเซฟ บูเกต์เล่านิทานสยองขวัญอันลึกลึบเกี่ยวกับปีศาจโอเปร่าให้สาวๆในคณะบัลเลต์ฟัง บอกพวกเธอว่าวิธีเดียวที่จะปกป้องตัวเองได้คือให้ ‘ยกมือไว้ที่ระดับสายตา’ แฟนทอมเห็นเหตุการณ์นั้นทั้งหมด แต่ไม่ได้ลงมือใดๆกับคนปากมาก ในขณะที่สาวๆกลุ่มนั้นวิ่งหนีไปด้วยความกลัว มาดาม จิรีก็เดินเข้ามาขัดจังหวะ แล้วบอกให้บูเกต์ระวังปากไว้ ไม่อย่างนั้น อาจต้องเจอดี
ในห้องทำงานของผู้จัดการ เฟอร์มิน อังเดร ราอูล และคาร์ลอตตาต่างก็งุนงงสงสัยถึงโน้ตลึกลับมากมายที่พวกเขาได้รับจาก ‘ปีศาจโอเปร่า’ พวกเขาต่างโทษกันเองในกลุ่มว่าส่งโน้ตพวกนี้มาขู่ขวัญ ระหว่างนั้น มาดาม จิรีมาถึง พร้อมกับโน้ตอีกแผ่นในมือ มีใจความว่าให้เก็บที่นั่งในชั้นบอกซ์ที่ห้าไว้ให้เขา ให้มอบบทนำในละครเรื่องอิลมูโต้ ( Il Muto ) กับคริสทีน ส่วนคาร์ลอตตาให้ไปแสดงในบทที่ไม่มีบทให้พูด คาร์ลอตตากล่าวหาว่าราอูลเป็นคนจัดการให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะเขาเป็นคนรักของคริสทีน
ด้วยความกลัวว่าจะเสียนักร้องโซปราโนตัวหลัก ( รวมไปถึงคนรักของเธอ นักร้องเสียงเทนเนอร์ ปิอานจิ ) สองผู้จัดการสัญญาว่าเธอจะยังคงได้เล่นในบทนำอยู่
ระหว่างการแสดงเรื่องอิลมูโต้นั้น คาร์ลอตตาได้เล่นในบทของเคาท์เตส ซึ่งเป็นบทนำ ส่วนคริสทีนเล่นเป็นตัวละครใบ้ ราอูลตัดสินใจที่จะนั่งในชั้นบอกซ์หมายเลขห้าเพื่อจะชมการแสดง ซึ่งดำเนินไปได้ด้วยดี จนกระทั่งแฟนทอมปรากฏตัวขึ้นบนซุ้มประตูเหนือม่าน เขาร้องออกมาว่าเหล่าผู้จัดการไม่ได้เก็บชั้นบอกซ์หมายเลขห้าไว้ให้เขา แล้วกล่าวว่าคาร์ลอตตาด้วยความโกรธ ก่อนจะจัดการให้เธอส่งเสียงร้องเพลงออกมาเหมือนคางคก
เธอหนีเข้าไปสู่อ้อมแขนของปิอานจิด้วยความหวาดหวั่น การแสดงจึงจำต้องหยุดลง และผู้จัดการก็ต้องรีบออกมาประกาศว่าคริสทีนจะได้รับบทของเคาท์เตสแทน ระหว่างนั้น คณะบัลเล่ต์ถูกส่งออกมาให้ความรื่นเริงกับคนดูก่อนชั่วคราว แต่การแสดงก็ถูกขัดขึ้นอีก เมื่อม่านหลังเวทีถูกยกขึ้นไป เผยให้เห็นร่างของโจเซฟ บูเกต์ห้อยลงมาจากขื่อบนเพดาน เหตุการณ์วุ่นวายอุบัติขึ้นในทันที ระหว่างนั้น คริสทีนตามหาราอูลจนพบ แล้วพาเขาไปบนหลังคา ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาจะ ‘ปลอดภัย’
บนหลังคา คริสทีนพยายามจะเล่าให้ราอูลฟังว่าเธอได้เห็นหน้าตาของแฟนทอม และได้ไปอยู่ในที่อาศัยของเขาแล้ว แต่ราอูลไม่เชื่อเธอ ขณะที่เล่าอยู่นั้นคริสทีนยังได้ยินเสียงของแฟนทอมอยู่เลย แต่ราอูลกลับไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้นสักคน ด้วยพยายามปลอบให้คริสทีนหายหวาดหวั่น ราอูลจึงสัญญาว่าจะรัก และจะปกป้องเธอตลอดไป เมื่อคริสทีนคลายความหวาดกลัวแล้ว ทั้งสองคนจึงวางแผนว่าจะเจอกันอีกครั้งหลังการแสดงครั้งต่อไป ขณะที่คริสทีน และราอูลก้าวลงบันไดไปนั่นเอง แฟนทอมก็ปรากฏกายขึ้น
เขาได้ยินบทสนทนาทั้งหมดแล้ว เขาผิดหวังอย่างมาก แต่ความเสียใจก็เปลี่ยนเป็นโทสะ และสบถสาบานว่าจะแก้แค้นราอูลให้ได้ จึงกลับไปที่โรงละคร แล้วจัดการให้โคมระย้าตกลงมากระแทกเวทีทันทีที่การแสดงจบลง
องก์ที่ 2
ทุกคนมาร่วมงานเต้นรำสวมหน้ากากในวันปีใหม่ แฟนทอมไม่ได้ปรากฏตัวมา 6 เดือนแล้ว ระหว่างนั้น คริสทีนได้ตกลงใจหมั้นราอูล แต่ถึงอย่างนั้น คริสทีนซ่อนแหวนหมั้นไว้ด้วยการใช้สายสร้อยคล้องไว้กับคอ ขณะที่งานเต้นรำสวมหน้ากากดำเนินไปได้เพียงไม่นาน แฟนทอมก็ก้าวเข้ามาในงานโดยแต่งกายคล้ายกับเรื่อง ‘ละครสวมหน้ากากแห่งความตายสีเลือด’ ( The Masque of the Red Death ) ของเอ็ดการ์ แอลแลน โพ ( Edgar Ellan Poe )
เขาประกาศว่าได้ประพันธ์โอเปร่า และหวังว่าผู้จัดการจะรับบทไปจัดการแสดง นอกจากนี้เขายังก้าวเข้ามาเผชิญหน้ากับคริสทีน แล้วกระชากแหวนไปจากเธอ พร้อมกับบอกว่าเธอเป็นของเขาเท่านั้น หลังจากเหตุการณ์นั้น ราอูลได้ไปขอร้องให้มาดาม จิรีเล่าเรื่องของแฟนทอมให้เขาฟัง เธอเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องกองคาราวานที่มาเปิดการแสดงที่เมืองนี้เมื่อหลายปีก่อน มีการแสดงกายกรรม มายากล และตัวประหลาด แต่ที่ดึงดูดที่สุดก็คือชายพิการที่ถูกขังอยู่ในกรง ซึ่งมีปัญญาที่หลักแหลมซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าของซากศพที่มีชีวิต
เขาเป็นทั้งสถาปนิก นักปราชญ์ นักดนตรี และนักประพันธ์ ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยสร้างเขาวงกตกระจกให้กับชาห์แห่งเปอร์เซีย ( Shah of Persia ) มาดาม จิรีเล่าต่อไปว่าเขาหนีออกมาได้ และถูกสันนิษฐานว่าตายไปแล้ว แต่เธอไม่สามารถลืมเขาได้เลย ‘เมื่อความมืดย่างกราย ฉันจะเจอกับเขาอีก’ เธอวิ่งจากไปในทันทีที่พูดประโยคนั้นออกมา ปล่อยให้ราอูลประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดเอง
ละครโอเปร่าของแฟนทอม ดอนฮวนผู้กำชัย ( Don Juan Triumphant ) ทำให้เกิดความวุ่นวาย และการทะเลาะเบาะแว้งขึ้นในหมู่ผู้จัดการ และนักแสดง คริสทีนได้รับการยอมรับให้แสดงในบทที่ใหญ่ที่สุดในเรื่อง เธอบอกกับผู้จัดการว่าเธอไม่ต้องการแสดงในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นบทใดก็ตาม เพราะกลัวว่าแฟนทอมจะมาจับตัวเธอไประหว่างการแสดง แต่ราอูลกลับคิดว่าพวกเขาสามารถใช้บทละครเรื่องนี้เป็นกับดักเพื่อจับตัวแฟนทอมได้ คริสทีนไม่ชอบใจแผนนี้เลย เพราะเธอไม่อยากให้แฟนทอมต้องพบจุดจบด้วยการตาย
ด้วยความทรมานในตัวเลือกที่ต้องเลือก เธอจึงเดินหนีออกไปจากห้อง หนีไปจากบรรยากาศชวนอึดอัดที่เธอแสนเกลียด
การซ้อมเริ่มขึ้น ทุกคนเผชิญปัญหาของตัวเอง คาร์ลอตตากับมาดาม จิรีโต้เถียงกันเรื่องเพลง ปิอานจิมีปัญหาเรื่องการออกเสียงที่ยุ่งยาก เหลือเพียงคริสทีนที่เดินทางไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อ ระหว่างพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ เธออยากให้พ่อของเธออยู่ตรงนี้ด้วยเพื่อช่วยให้เธอเลือกทางที่ถูกต้อง หรือไม่อย่างนั้น เธอก็ต้องพยายามลืมความทรงจำเกี่ยวกับพ่อของเธอเสีย เธอจะได้ไม่ต้องตกเป็นทาสของแฟนทอมอีกต่อไป ขณะนั้นเอง แฟนทอมปรากฏกายขึ้นตรงหน้าเธอ ร่วมร้องเพลงกับเธอ และเป็นอีกครั้งที่สวมหน้ากากของเทพแห่งดนตรี ด้วยความเชื่อสุดหัวใจว่าพ่อของเธอส่งเทพแห่งดนตรีมาทำให้เธอตามเสียงนั้นไปอย่างง่ายดาย
ราอูลมาถึงพอดี จึงรีบพาตัวคริสทีนกลับมาสู่โลกแห่งความจริง ชายทั้งสองตรงเข้าต่อสู้กันทันที และขณะที่แฟนทอมจ่อปืนไปยังราอูลนั่นเอง คริสทีนก็เข้ามาขวาง พร้อมกับขอร้องให้ปล่อยราอูลไป ก่อนจะหนีออกไปด้วยกัน ด้วยความเดือดดาล แฟนทอมได้ประกาศว่าตอนนี้สองคนนั้นเป็นศัตรูของเขาแล้ว ทันทีที่กลับมาถึงโรงละคร ราอูลได้ปรึกษาเรื่องแผนการณ์จับตัวแฟนทอมกันพวกตำรวจ ราอูลสั่งให้คนแม่นปืนแฝงตัวอยู่ในวงออเคสตรา ให้ตำรวจคอยเฝ้าระวังทุกๆทางออก
ตอนนั้นเองเสียงของแฟนทอมดังขึ้นมาให้ได้ยิน หลอกหลอนพวกเขา เขาปรากฏร่างอยู่บนชั้นที่นั่งหมายเลขห้า แต่ก็หายตัวไปในทันทีที่คนแม่นปืนยิง หากเสียงของแฟนทอมยังคงดังขึ้นมาอีก แม้ว่าพวกเขาจะไม่เห็นตัวคนพูดก็ตามว่า ‘ให้พวกคนดูเข้ามา ให้ละครโอเปร่าของฉันเริ่มได้แล้ว !!’ เมื่อเริ่มการแสดงในคืนนั้น คริสทีนปรากฏกายบนเวทีเพื่อร้องเพลงเป็นคนแรก ก่อนที่ดอนฮวนจะเข้ามาสมทบด้วยใบหน้าที่ถูกปิดบังไว้ ระหว่างที่เธอร้องเพลงคู่กับ ‘ดอนฮวน’ คริสทีนรู้สึกได้ว่าเธอกำลังร้องเพลงกับแฟนทอมแทนที่จะเป็นปิอานจิ ผู้สวมบทนี้
คริสทีนอาศัยจังหวะเผลอดึงหมวกที่ปิดบังใบหน้าของเขาออก แสดงให้ทุกคนเห็นว่าแฟนทอมต่างหากที่กำลังร้องเพลงอยู่ แต่เขาไม่สนใจ กลับมอบแหวนให้เธอ และแสดงให้เห็นถึงความรักที่เขามีให้ แต่คริสทีนกลับดึงหน้ากากของเขาออกอีกครั้งเพื่อให้ทุกคนเห็นใบหน้าที่พิกลพิการ ก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายจนตำรวจเข้ามาแทรกได้ แฟนทอมพาตัวคริสทีนออกไปจากเวที เหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นทั่วทั้งโรงละคร คาร์ลอตตากรีดร้องออกมาด้วยความทุกข์ระทม เมื่อเธอพบปิอานจิในสภาพไร้ซึ่งลมหายใจ และกลุ่มคนเริ่มรวมตัวกันตามหาแฟนทอม
มาดาม จิรีตามตัวราอูลจนพบเพื่อพาเขาไปยังสะพานข้ามทะเลสาบ แล้วบอกทางไปหาแฟนทอมให้เขา เธอเตือนให้เขาระวังเชือกปัญจาบ เตือนให้เขา ‘ยกมือขึ้นในระดับสายตา’ เม็กต้องการจะไปกับเขาด้วย แต่มาดาม จิรีบอกกับเธอว่าแฟนทอมอันตรายเกินไป
ในโถงที่อาศัยของแฟนทอมเบื้องล่าง แฟนทอมสั่งให้คริสทีนสวมชุดแต่งงานที่ตุ๊กตาใส่อยู่ หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จ คริสทีนถามเขาว่าเขาจะฆ่าเธอหรือไม่ เขารับรองว่าจะไม่ฆ่าเธอ เพียงแต่ว่าใบหน้านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เธอไม่รักเขา คริสทีนบอกกับเขาว่าเธอไม่ได้กลัวใบหน้านั้น แต่เป็นจิตใจของเขาต่างหาก ขณะนั้น ราอูลมาถึงพอดี ขอร้องให้แฟนทอมปล่อยตัวคริสทีน ‘อยากจะทำอะไรก็ทำ ขอแค่ปล่อยเธอซะ !!’ แฟนทอมปล่อยให้ราอูลเข้ามาในถ้ำ หลอกให้เขาตายใจ ก่อนจะคล้องเชือกปัญจาบเข้ารอบคอของราอูล
แฟนทอมเสนอทางเลือกให้คริสทีน ระหว่างปล่อยให้เขาฆ่าราอูล แล้วเธอจะเป็นอิสระกับเลือกที่จะอยู่กับเขา แล้วราอูลจะถูกปล่อยตัวออกไป
แฟนทอมบังคับให้เธอต้องเลือก คริสทีนบอกกันแฟนทอมด้วยความโศกเศร้าว่าเขาหักหลังเธอ ราอูลกล่าวคำขอโทษ และพร่ำบอกรักคริสทีน บอกว่าตราบใดที่เธอปลอดภัยจากแฟนทอม เขาไม่สนทั้งนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ในที่สุด คริสทีนได้ตัดสินใจ และก้าวเข้ามาจุมพิตแฟนทอม ซึ่งชะงักไปเพราะการกระทำนั้น ด้วยนี้คือความรู้สึกแบบมนุษย์ครั้งแรกที่เขาได้รับมาในชีวิต เขาปล่อยราอูล และให้อิสระแก่คริสทีน แล้วขอให้ทั้งสองคนเก็บตัวตนของเขาไว้เป็นความลับ
ราอูลเดินออกไป แต่คริสทีนต้องการจะคืนแหวนให้แฟนทอมก่อน แฟนทอมตอบรับความรักที่เขาให้เธอกลับคืน ก่อนที่เธอจะหันกลับไป เธอกับราอูลกลับไปยังโรงละครโดยใช้เรือของแฟนทอมพายข้ามทะเลสาบ ร้องเพลงให้กันและกัน แฟนทอมร้องไห้กับผ้าคลุมหน้าของคริสทีนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง พร้อมกับร้องขึ้นมา ‘มีเพียงเธอเท่านั้นที่ทำให้เพลงของฉันโบยบิน ตอนนี้มันจบแล้ว บทเพลงแห่งราตรี !!’ ขณะที่กลุ่มคนที่พยายามตามหาแฟนทอมใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาก้าวขึ้นไปนั่งลงบนเก้าอี้บัลลังก์ ก่อนจะดึงม่านลงมาปิดบังตัวตนของเขาไป
เม็กตามมาจนถึงประตูรั้ว แล้วพยายามมองไปรอบๆเพื่อหาตัวคริสทีน เธอสังเกตเห็นม่านที่อยู่ตรงหน้า จึงเดินเข้าไปอย่างระแวดระวัง ก่อนจะดึงม่านออกไป แฟนทอมหายตัวไปแล้ว สิ่งเดียวที่เธอเห็นคือหน้ากาก เม็กหยิบหน้ากากนั่นขึ้นมา แล้วยกมาถือไว้สูงๆเหมือนว่าแสงเพียงแห่งเดียวคือแสงที่สะท้อนออกมาจากหน้ากากท่ามกลางความมืดในโถงนั้น
.................................................................................................
นี่เป็นหนังเรื่องโปรดของเรามากๆเป็นหนังคาสสิคที่น่าดูมากกกกกกก
ดูแล้วเหมือนย้อนกลับไปในอดีตในสมัยแห่งเสียงโอเปราอันรุ่งเรือง.......
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น